ผิดสัญญาบันทึกท้ายทะเบียนหย่า
คดีฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู จากบันทึกท้ายทะเบียนหย่า
กรณีสามีภริยาจดทะเบียนหย่า และทำบันทึกท้ายทะเบียนการหย่า ตกลงกันในเรื่องการชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ารักษาพยาบาล ให้แก่บุตร
หากต่อมาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญา ไม่ชำระตามที่ตกลงกันไว้ บิดาหรือมารดาอีกฝ่ายหนึ่ง ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิฟ้องเรียกให้อีกฝ่ายจ่ายเงินดังกล่าวที่ค้างชำระตามสัญญาและที่จะต้องจ่ายต่อไปในอนาคตตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
เอกสารประกอบการยื่นฟ้อง
1. ใบสำคัญการหย่า พร้อมบันทึกท้ายทะเบียนหย่า
2. ตารางสรุปค่าอุปการะเลี้ยงดู ที่ค้างชำระ
3. ใบเสร็จรับเงิน ค่าเทอม / ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ
4. แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร พ่อ แม่ ลูก
5. สูติบัตรของลูก
6. ใบเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล (ถ้ามี)
ค่าขึ้นศาล : คดีละ 200 บาท
เขตอำนาจศาล : ศาลเยาวชนและครอบครัว ที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ตามทะเบียนบ้าน หรือสำนักงานทะเบียนที่จดทะเบียนหย่า
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกา ที่น่าสนใจ
ประเด็น : แม้บันทึกแนบท้ายทะเบียนหย่า ไม่ได้ตกลงการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูไว้ โจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2971/2544
บันทึกข้อตกลงหลังทะเบียนการหย่ามิได้กล่าวว่าให้อำนาจปกครองบุตรอยู่กับโจทก์หรือจำเลย กรณีต้องถือว่าโจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรร่วมกันตามมาตรา 1566 วรรคหนึ่งส่วนมาตรา 1522 วรรคหนึ่งนั้น มีความหมายเพียงว่าในการหย่าโดยความยินยอม สามีและภริยาอาจตกลงกันในบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเท่าใด หากมิได้กำหนดศาลก็ย่อมเป็นผู้กำหนดจำนวนเงินให้ได้ตามสมควรตามมาตรา 1522 วรรคสอง เมื่อข้อความตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ไม่ใช่ข้อตกลงเรื่องออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเท่าใด ดังนั้นศาลจึงมีอำนาจกำหนดให้จำเลยออกค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ และหลังจดทะเบียนหย่าในปี 2537 จำเลยมิได้ให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ โจทก์จึงเรียกให้จำเลยรับผิดจ่ายเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรย้อนหลังตั้งแต่ปี 2537จนถึงวันฟ้องได้
ประเด็น : ชำระเงินไปแล้ว เรียกย้อนหลังได้เพียงแค่ 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2697/2548
บทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 1598/38 เป็นการกำหนดให้สิทธิแก่บิดามารดากับบุตรสามารถฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างกันได้เท่านั้น ส่วนการดำเนินการร้องขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมีบทบัญญัติมาตรา 1565 ซึ่งกำหนดให้พนักงานอัยการเป็นผู้ยกคดีขึ้นว่ากล่าวแล้วยังกำหนดให้บิดาหรือมารดาสามารถนำคดีขึ้นว่ากล่าวได้เองด้วย และบทบัญญัติมาตรา 1564 วรรคหนึ่ง กำหนดให้บิดามารดามีหน้าที่ร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์อันมีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ซึ่งในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันนั้นย่อมจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตามมาตรา 296 โจทก์จำเลยได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยาโดยตกลงให้บุตรอยู่ในความปกครองของโจทก์ แต่มิได้ตกลงว่าโจทก์ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูฝ่ายเดียว เมื่อโจทก์ได้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ฝ่ายเดียวจนกระทั่งบุตรบรรลุนิติภาวะแล้ว โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ที่ได้ออกไปก่อนนับแต่วันหย่าจนกระทั่งบุตรบรรลุนิติภาวะจากจำเลย เพื่อแบ่งส่วนความรับผิดในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม และเข้าใช้หนี้นั้นตามมาตรา 229 (3) แม้ขณะยื่นฟ้องนั้นบุตรจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม ส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรสมควรจะเป็นจำนวนเท่าใด ศาลมีอำนาจกำหนดตามมาตรา 1522
การฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์มีอายุความ 5 ปีนับแต่วันที่บิดามารดาหรือบิดามารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู ในกรณีที่บิดาหรือมารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูไปฝ่ายเดียว ก็มีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูจากอีกฝ่ายนับแต่วันที่ตนได้ชำระไปซึ่งถือว่าเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตามมาตรา 193/33 (4) ประกอบมาตรา 193/12
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1522 ถ้าสามีภริยาหย่าโดยความยินยอม ให้ทำความตกลงกันไว้ในสัญญาหย่าว่าสามีภริยาทั้งสองฝ่าย หรือสามีหรือภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเงินเท่าใด
ถ้าหย่าโดยคำพิพากษาของศาลหรือในกรณีที่สัญญาหย่ามิได้กำหนดเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไว้ ให้ศาลเป็นผู้กำหนด
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากทนายธนู
1. -
ค่าบริการว่าความ คดีฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า |
|
รูปแบบคดี |
ราคา(เริ่มต้น) |
♦ ยื่นฟ้อง / ต่อสู้คดี |
-X- |
รับว่าความทั่วประเทศ
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย
ติดต่อทนายธนู โทร 083 4248098
LINE : @tn13
เปิดบริการทุกวัน เวลา 7.00 - 20.00 น.
ช่องทางการติดต่อ กดที่ไอคอน
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments