ถอนคืนการให้โดยเสน่หา

คดีฟ้องขอถอนคืนการให้เหตุ เพราะผู้รับเนรคุณ

การให้ คือ สัญญาซึ่งผู้ให้โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้ ซึ่งจะถอนการให้ไม่ได้ เว้นแต่เหตุผู้รับเนรคุณ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531

 

การให้จะสมบูรณ์ ต่อเมื่อ

» สังหาริมทรัพย์ ได้แก่ มือถือ แหวน สร้อย เงิน ทองคำ "ส่งมอบทรัพย์สินให้" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 523

» อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม หรือตึกแถว ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 525

   : ที่ดินมือเปล่า สมบูรณ์ด้วยการส่งมอบ เพราะถือว่าผู้ให้ได้สละเจตนาครอบครองที่ดินแล้ว

   : การอุทิศที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตัวอย่างเช่น ทางสาธารณะ หรือที่ดินสำหรับสร้างวัด ย่อมตกเป็นของแผ่นดินตามเจตนาของผู้อุทิศทันที โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

   ฉะนั้น ทำสัญญาหรือมีข้อตกลงว่าจะยกให้ แต่หากยังไม่ได้จดทะเบียน ก็ถือว่าไม่สมบูรณ์

 

เหตุเนรคุณ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 , 532

1. ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา - เช่น ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ แม้ไม่สาหัส

2. ผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง - เช่น ด่าว่า อีแก่ ไอ่แก่เจ้าเล่ห์ คำพูดไม่ต้องถึงขั้นเป็นความผิดตามกฎหมายหมิ่นประมาท เพียงแค่คำหยาบคาย เหยียดหยาม ไม่สุภาพ ก็เพียงพอแล้ว

3. ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ - จะต้องถึงขั้นเวลายากไร้ และผู้รับมีความสามารถเลี้ยงดูได้ด้วย

4. ผู้รับได้ฆ่าผู้ให้ตายโดยเจตนาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือได้กีดกันผู้ให้ไว้มิให้ถอนคืนการให้ - ทายาทผู้ให้มีสิทธิฟ้องเรียกคืน

 

อายุความ : ผู้ให้ต้องยังไม่ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้น และต้องฟ้องถอนคืนการให้ภายใน 6 เดือนนับแต่เมื่อทราบถึงเหตุประพฤติเนรคุณ แต่ไม่เกิน 10 ปี ภายหลังเหตุการณ์ประพฤติเนรคุณนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 533

 

การให้ที่ไม่สามารถที่จะฟ้องขอเพิกถอนคืนการให้ เพราะเหตุเนรคุณ ตาม ป.พ.พ. 533 , 535 ได้แก่

1. เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณแล้ว

2. เมื่อผู้ให้ถึงแก่ความตาย โดยไม่ได้ฟ้องคดีไว้ ทายาทจะฟ้องเองไม่ได้ (สิทธิเฉพาะตัวของผู้ให้ ไม่ตกทอดไปยังทายาท)

3. ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ (ตอบแทนการทำงาน รางวัลตอบแทนน้ำใจ)

4. ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน (ให้โดยมีเงื่อนไขว่าจะชำระหนี้แทนหรือตอบแทนบางสิ่ง)

5. ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา ตามหน้าที่ศีลธรรม

6. ให้ในการสมรส

7. เมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้ว 6 เดือน นับแต่ได้ทราบเหตุเนรคุณ แต่ต้องไม่เกิน 10 ปีนับแต่เหตุเนรคุณนั้นเกิดขึ้น

 

ค่าธรรมเนียมศาล : ร้อยละ 2 ของจำนวนทุนทรัพย์ (ราคาประเมิน)

 

ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกา ที่น่าสนใจ

ประเด็น : อายุความ การบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ยากไร้ ไม่นับอายุความตราบใดที่ยังลำบากยากไร้อยู่

คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 388/2536

    ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 บัญญัติว่า อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้...(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ และมาตรา 533 บัญญัติว่า...หรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้ว 6 เดือนนับแต่เหตุ - เช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่ บทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดว่าในชั่วชีวิตของโจทก์จะขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีวิตของโจทก์จากจำเลยได้เพียงครั้งเดียว การขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิต ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น เมื่อโจทก์ยังมีชีวิตอยู่และยากไร้โจทก์ย่อมขอสิ่งเหล่านั้นจากจำเลยได้เสมอตามความจำเป็นและจำเลยยังสามารถให้ได้ การที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมให้เงินแก่โจทก์นำไปรักษาตัว เนื่องจากเจ็บป่วยก่อนโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ประมาณ 1 เดือน ในขณะที่โจทก์ยากไร้และชราภาพโดยมีอายุถึง 84 ปี และจำเลยอยู่ในฐานะจะให้เงินแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้ โดยคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

 

คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 2341/2537

   การกล่าวอ้างว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ ซึ่งเป็นผู้ให้และเป็นผู้ยากไร้ เมื่อจำเลยสามารถจะให้ได้นั้น เป็นกรณีที่โจทก์ขอสิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตต่อจำเลยแล้ว จำเลยบอกปัดไม่ยอมให้และเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบ มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยมิได้นำสืบและอุทธรณ์ในข้อนี้แสดงว่าจำเลยยอมรับ และมิใช่หน้าที่ศีลธรรมอันดีของผู้รับการให้จะพึงปฏิบัติต่อผู้ให้ด้วยการให้สิ่งตอบแทนแก่ผู้ให้ตามวิสัยแต่อย่างใดดังนั้น การที่โจทก์แยกไปอยู่กับ ซ. แล้วจำเลยไม่ตามไปเลี้ยงดูโจทก์ จะฟังว่าจำเลยแสดงเจตนาบอกปัดไม่ยอมเลี้ยงดูให้สิ่งของจำเป็นแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้ และจำเลยสามารถให้ได้อันเป็นการประพฤติเนรคุณที่จะเรียกถอนคืนการให้หาได้ไม่

 

ประเด็น : ทำร้ายร่างกาย ไม่สาหัส , ดูหมิ่น(อีแก่) หรือหมิ่นประมาท ไม่ต้องถึงขั้นร้ายแรง ถึงขั้นกฎหมายหมิ่นประมาท ก็ถอนคืนการให้ได้

คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 412/2528

   การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดาจนได้รับอันตรายแก่กาย ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยขาดความกตัญญู แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงสาหัสก็ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(1) แล้ว โจทก์จึงเรียกถอนคืนการให้ได้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2553

   ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า "อีแก่ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา จำเลยเรียกโจทก์ว่า อีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้

   ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ผู้อื่น เมื่อถอนคืนการให้ จำเลยต้องส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์ตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ โดยคืนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 413 วรรคหนึ่งและมาตรา 534

 

คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 6424/2557

   จำเลย(บุตร)ได้ยักยอกเงินโจทก์(บิดา) ไป จำนวน 7,000,000 บาท เมื่อโจทก์ได้ไปพูดทวงเงินคืน จำเลยได้พูดด่าทอว่าโจทก์ต่อหน้าผู้อื่นว่า "ไอ้แก่ แก่แล้วเลอะเลื่อน" เป็นการด่าว่าโจทก์ผู้เป็นบิดา โดยไม่ให้ความเคารพนับถือยำเกรง เป็นถ้อยคำที่หยาบคายแสดงถึงการเหยียดหยามไม่นับถือว่าโจทก์เป็นบิดา เพราะใช้คำว่า "ไอ้แก่" ถือได้ว่าเป็นถ้อยคำที่หมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์จึงสิทธิถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณตาม ป.พ.พ. มาตรา 531(2)

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7301/2559

   จำเลยด่าโจทก์ว่า เป็นคนจัญไร ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ให้ความหมายไว้ว่า "เลวทราม เป็นเสนียด ไม่เป็นมงคล" อันเป็นถ้อยคำรุนแรงไร้ความเคารพนับถือเป็นการลบหลู่เหยียดหยาม อกตัญญูต่อบิดาผู้มีพระคุณ ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ซึ่งเป็นบิดาและเป็นผู้ให้อย่างร้ายแรง จึงเป็นเหตุให้โจทก์เรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2)

 

ประเด็น : การให้โดยธรรมจรรยา(ตามคำสั่งเสีย) จะถอนคืนการให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2502

   มารดายกที่ดินและห้องทั้งหมดให้โจทก์ผู้เป็นบุตรและสั่งให้แบ่งที่ดินและห้องบางส่วนให้จำเลยซึ่งเป็นหลานด้วย โจทก์ก็แบ่งยกให้ตามที่มารดาสั่งดังนี้ ถือว่าเป็นการยกให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาโจทก์จะถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้

 

ประเด็น : ให้ตามสัญญาต่างตอบแทน เพิกถอนการให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2318/2527
   โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยปลูกสร้างตึกแถว 5 ห้อง จำเลยมีภาระผูกพันที่จะต้องเอาที่ดินไปจำนอง เพื่อนำเงินมาลงทุนในการปลูกสร้างด้วยสร้างเสร็จแล้วจำเลยจะต้องยกให้โจทก์ 1ห้อง เป็นการตอบแทน การยกที่ดินให้ดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการยกให้โดยเสน่หา แต่เป็นลักษณะของสัญญาต่างตอบแทนตามบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมที่โจทก์ยอมให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินส่วนของโจทก์นั้น ก็ปรากฏข้อความระบุไว้ว่า จำเลยได้ให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 100,000บาท โจทก์จะนำสืบว่าการทำนิติกรรมดังกล่าวไม่มีค่าตอบแทนไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เมื่อมิได้ยกที่ดินพิพาทให้โดยเสน่หา โจทก์จึงขอให้เพิกถอนการยกให้ไม่ได้

 

ประเด็น : ยกให้แล้ว นำทรัพย์ไปขายให้บุคคลอื่น โดยซื้อขายกันแบบสุจริต เพิกถอนคืนการให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3627/2526
   โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 โดยเสน่หา แล้วจำเลยที่ 1 โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์ฟ้องถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยที่ 1 ประพฤติเนรคุณ และขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยอ้างว่าเป็นการสมยอมกันเพื่อฉ้อฉลโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับซื้อที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต โจทก์ก็ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 521 อันว่าให้นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น

มาตรา 523 การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้

มาตรา 525 การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีเช่นนี้ การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ

มาตรา 531 อันผู้ให้จะเรียนถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้

   (1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา หรือ

   (2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ

   (3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้

มาตรา 532 ทายาทของผู้ให้อาจเรียกให้ถอนคืนการให้ได้แต่เฉพาะในเหตุที่ผู้รับได้ฆ่าผู้ให้ตายโดยเจตนาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือได้กีดกันผู้ให้ไว้มิให้ถอนคืนการให้

   แต่ว่าผู้ให้ได้ฟ้องคดีไว้แล้วอย่างใดโดยชอบ ทายาทของผู้ให้จะว่าคดีอันนั้นต่อไปก็ได้

มาตรา 533 เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้นแล้วก็ดี หรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้ว 6 เดือนนับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่

   อนึ่ง ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลา 10 ปีภายหลังเหตุการณ์เช่นว่านั้น

มาตรา 534 เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์สินตามบทบัญญัติแห่งประมวลฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้

มาตรา 535 การให้อันจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านว่าจะถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณไม่ได้ คือ

   (1) ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้

   (2) ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน

   (3) ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา

   (4) ให้ในการสมรส

มาตรา 536 การให้อันจะให้เป็นผลต่อเมื่อผู้ให้ตายนั้น ท่านให้บังคับด้วยบทกฎหมายว่าด้วยมรดกและพินัยกรรม

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากทนายความ

1. หากผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้บุคคลอื่นโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน และมิใช่โดยเสน่หา ก่อนที่จะมีเหตุให้ผู้ให้ถอนคืนการให้ การคืนที่ดินย่อมตกเป็นพ้นพิสัย ผูัรับต้องรับผิดชอบคืนดอกผลของที่ดินและต้องใช้ราคาที่ดินเต็มราคาแก่ผู้ให้

2. การถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ ได้เฉพาะผู้ให้เท่านั้น จะขอถอนคืนการให้เหตุเนรคุณกับผู้รับโอนจากผู้ให้ไม่ได้

3. ผู้ให้เท่านั้นที่จะบอกเพิกถอนคืนการให้ สามีหรือภรรยาของผู้ให้ที่เพียงให้ความยินยอมจะขอเพิกถอนการให้ไม่ได้

4. การให้ที่มิใช่โดยเสน่หา แต่เป็นการให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จะถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณไม่ได้

5. การฟ้องคดี ต่อศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู่

 

ค่าบริการว่าความ ถอนคืนการให้เหตุเนรคุณ

รูปแบบคดี

ราคา(เริ่มต้น)

 ♦ ยื่นฟ้อง / ต่อสู้คดี

-X-

 ♦ เจรจาไกล่เกลี่ย

-X-

 

รับว่าความทั่วประเทศ ทนายคดีถอนให้การเหตุเนรคุณ

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย

ติดต่อทนายธนู โทร 083 4248098

LINE ID : @tn13

เปิดบริการทุกวัน เวลา 7.00 - 20.00 น.

ช่องทางการติดต่อ กดที่ไอคอน

   

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
 

%MCEPASTEBIN%


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 278,404