เบิกความเท็จ ฟ้องเท็จ มีโทษอย่างไร

เบิกความเท็จ ฟ้องเท็จ ลักษณะไหน เป็นความผิด

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8691/2550

   ความเท็จที่จะถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดีต้องเป็นความเท็จที่อาจทำให้คู่ความต้องแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดี คดีแพ่งมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยทำสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ร่วมหรือไม่ การที่จำเลยเบิกความว่าจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกัน และลายมือชื่อผู้ค้ำประกันตามสัญญาดังกล่าวไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยนั้น ย่อมเป็นการเบิกความเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทอันเป็นข้อแพ้ชนะคดีกรณีจึงเป็นข้อสำคัญในคดี เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคำเบิกความนั้นเป็นเท็จ ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตาม ป.อ. มาตรา 177

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5100/2539

   โจทก์กับจำเลยที่1ยังโต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทอยู่ การที่จำเลยที่1เอาความอันรู้อยู่ว่าเป็นเท็จฟ้องโจทก์ต่อศาลว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาในความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์กระทำความผิดดังกล่าว แต่เมื่อปรากฏว่าในบริเวณที่ดินพิพาทที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถดันต้นยางพาราของจำเลยที่ 1 ไม่มีต้นยางพาราพันธุ์ จี. ที. ปลูกอยู่การที่จำเลยที่ 1 นำความอันรู้อยู่ว่าเป็นเท็จมาฟ้องและเบิกความเท็จว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถดันต้นยางพาราพันธุ์ จี. ที. ของจำเลยที่ 1 เสียหาย 57 ต้นและจำเลยที่ 2 เบิกความเท็จว่าต้นยางพาราบริเวณดังกล่าวจำเลยที่ 1 ปลูกมาประมาณ 2 ถึง 3 ปี แล้วอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ โดยจำเลยที่ 1 รู้อยู่ว่าข้อความตามฟ้องและที่จำเลยทั้งสองเบิกความเบิกความนั้นเป็นเท็จ และความเท็จดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175 และ 177 วรรคสองจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 วรรคสอง

 


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 194,149