การขอรับชำระหนี้

การยื่นคำขอรับชำระหนี้ คดีล้มละลาย

ตามกฎหมายกำหนดเวลาไว้ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่ลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา

เอกสาร

1. คำขอรับชำระหนี้ ล.29

2. หนังสือมอบอำนาจ ล.53 หรือมอบอำนาจทั่วไป ติดอากร 30 บาท (ตัวจริง)

3. หนังสือมอบฉันทะ ล.10 ตัวอากร 10 บาท (ตัวจริง)

4. หนังสือรับรองบริษัท (กรณีเจ้าหนี้นิติบุคคล) หรือหนังสือคำสั่งแต่งตั้ง (กรณีส่วนราชการ)

5. สำเนาบัตรผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ

6. สำเนาเอกสารแสดงมูลหนี้ เช่น คำพิพากษา ใบแจ้งหนี้ สัญญา เช็ค เป็นต้น

 

ค่าธรรมเนียม

1. กรณีเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ได้รับการยกเว้น ไม่เสีย

2. เจ้าหนี้รายอื่น เสีย 200 บาท เฉพาะวงเงินเกิน 50,000 บาทขึ้นไป

 

ยอดหนี้ : ดอกเบี้ยนับถึงวันที่ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด

 

ประเด็น : แม้นับถึงวันยื่นคำร้องขอชำระหนี้จะเกิน 10 ปี แต่คดีสะดุดหยุดลงเมื่อวันยื่นฟ้องคดีล้มละลายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5596/2543

   การที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเป็นการนำเอาสิทธิเรียกร้องที่มีอยู่มาใช้บังคับแก่ลูกหนี้ จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในเรื่องอายุความตาม ป.พ.พ.บรรพ 1 ลักษณะ 6

   ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2529 ให้ลูกหนี้กับพวกร่วมกันชำระเงินแก่เจ้าหนี้ สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้จึงเป็นสิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดมีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามป.พ.พ.มาตรา 193/32 เจ้าหนี้นำเอาหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวมาฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2539 ยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี เจ้าหนี้จึงมีสิทธิฟ้องได้ และมีผลเท่ากับเป็นการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้อย่างหนึ่งตามวิธีการที่ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามป.พ.พ.มาตรา 193/14 (2) และทำให้ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้น ไม่นับเข้าในอายุความตามมาตรา 193/15 วรรคหนึ่ง ต้องเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงได้สิ้นสุดไปแล้วตามมาตรา 193/15 วรรคสอง เมื่อเจ้าหนี้นำมูลหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวมายื่นคำขอรับชำระหนี้ในขณะที่อายุความยังสะดุดหยุดลงจึงไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 (1)กรณีนี้มิใช่เป็นการที่เจ้าหนี้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา จึงนำเอาระยะเวลาการบังคับคดี 10 ปี ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 271 มาปรับใช้แก่กรณีนี้ไม่ได้

   ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับมูลหนี้ตามคำพิพากษาเพียงใด แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัย แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน

   เจ้าหนี้ฎีกาเฉพาะมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลฎีกาเพียง 25 บาท ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 179 (2) วรรคท้าย

 

ตัวอย่าง ใบนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้

 


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 192,802