คำสาบานของพยานในศาล

 

คำสาบานตนของพยานในศาล ตามศาสนาที่นับถือ / Oath in court

คำสาบานของศาสนาพุทธ

   "ข้าพเจ้าขอสาบานตนต่อพระแก้วมรกต เจ้าพ่อหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้าเอาความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอภยันตรายและความวิบัติทั้งปวงจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าโดยพลัน หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบแต่ความสุขความเจริญ"

 

คำสาบานของศาสนาคริสต์

   "ข้าพเจ้าขอสาบานตนต่อพระเยซูเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอภยันตรายและความวิบัติทั้งปวงจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าโดยพลัน หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบแต่ความสุขความเจริญ"

 

คำสาบานของศาสนาอิสลาม

   "ข้าพเจ้าขอสาบานตนต่อพระอัลเลาะห์ว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำความเท็จมากล่าว ขอองค์พระอัลเลาะห์ทรงโปรดลงโทษข้าพเจ้า หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอองค์พระอัลเลาะห์ทรงโปรดตอบแทนข้าพเจ้า ด้วยความดีงามทั้งหลายด้วย"

 

คำสาบานเป็นภาษาอังกฤษ

   "The evidence that I shall give to the court shall be the truth, the whole truth, and nothing but the truth. (So help me Go)"

 

คำสาบานของล่าม
   “ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระแก้วมรกต เจ้าพ่อหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย/ พระเยซู / พระอัลเลาะห์ ว่า ข้าพเจ้าจะแปลความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น”

 

ป.วิ.แพ่ง

มาตรา 112 ก่อนเบิกความพยานทุกคนต้องสาบานตนตามลัทธิศาสนาหรือจารีตประเพณีแห่งชาติของตน หรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามความสัตย์จริงเสียก่อน เว้นแต่

   (1) พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

   (2) บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี หรือบุคคลที่ศาลเห็นว่าหย่อนความรู้สึกผิดและชอบ

   (3) พระภิกษุและสามเณรในพุทธศาสนา

   (4) บุคคลซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าไม่ต้องให้สาบานหรือกล่าวคำปฏิญาณ


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 231,111