บุกรุก
คดีบุกรุก
ความผิดข้อหาบุกรุกเป็นความผิดทางอาญา ที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับคดีฟ้องขับไล่ทางแพ่ง "บุกรุกเวลากลางวันเป็นความผิดยอมความได้ ส่วนบุกรุกในเวลากลางคืนยอมความไม่ได้"
***รวมคำถาม - ตอบ คดีบุกรุกที่พบบ่อย by ThanuLaw
ถาม : หลักฐานสำคัญที่ใช้ดำเนินคดีคืออะไร
ตอบ - กล้องวงจรปิด
ถาม : เข้าไปในสถานที่สาธารณะ มีความผิดฐานบุกรุกไหม
ตอบ - ไม่มี เพราะเป็นสถานที่ที่เจ้าของยินยอมให้เข้าอยู่แล้ว แต่ดูเวลาปิด-เปิด ด้วย
ถาม : คดีบุกรุกยอมความกันได้ไหม
ตอบ - ได้ ยกเว้น มาตรา 365 ซึ่งมีโทษหนัก
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกา ที่น่าสนใจ
ประเด็น : มีข้อพิพาทกันทางคดีแพ่ง ยังคงโต้แย้งกันเรื่องแนวเขต ไม่ผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6006/2561
ที่ดินอันตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เพียงแต่ทางภาระจำยอมนี้ทำให้จำเลยที่ 1 ต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตนหรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์นั้นเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1387 โดยจำเลยที่ 1 ยังมีสิทธิในทางภาระจำยอมอันเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เช่นเดิม เพียงแต่มาตรา 1390 ห้ามเจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกเท่านั้น การใช้สิทธิเหนือที่ดินส่วนที่เป็นทางภาระจำยอมในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงยังคงเป็นของจำเลยที่ 1 ต่อไป แม้หากจำเลยทั้งสองก่อสร้างกำแพงคอนกรีต โครงเหล็กเป็นโรงจอดรถยนต์และบันไดคอนกรีตอันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ก็เป็นการกระทำลงบนที่ดินของจำเลยที่ 1 เอง หาใช่เป็นการเข้าไปกระทำในที่ดินของโจทก์ไม่ หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไรชอบที่จะไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีมูลในความผิดฐานบุกรุก
ประเด็น : คดีอาญายกฟ้อง แต่คดีแพ่งจำเลยมีภาระการพิสูจน์
คำพิพากษาฎีกาที่ 806/2559
คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีในส่วนอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันบุกรุกที่ดินพิพาท แล้วมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานบุกรุกเพราะขาดเจตนา แต่ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีนี้ และคำพิพากษาคดีส่วนแพงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47
ประเด็น : ผู้ให้เช่า VS ผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2537
หนังสือสัญญาเช่าห้องพักระหว่าง บ. ผู้เช่ากับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าข้อ 3 ระบุว่า "ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าภายในวันที่ 30 ของเดือนทุก ๆ เดือน ถ้าไม่ชำระตามกำหนดนี้ ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดเงินประกันของผู้เช่าได้และใส่กุญแจห้องผู้เช่าก็ได้ หรือผู้เช่ายินยอมอนุญาตให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องเช่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ" ข้อ 9 ระบุว่า"ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาแม้แต่ข้อหนึ่งข้อใด หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ยอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่และสิ่งที่เช่าได้โดยพลันและมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที" และข้อ 10 ระบุว่า "เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดีหรือผู้เช่าผิดสัญญาเช่าก็ดี ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายอมออกจากที่เช่า" ข้อสัญญาดังกล่าวนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงใช้บังคับได้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดเวลาและจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าด้วยแล้ว บ. และผู้เสียหายซึ่งอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิ บ. ย่อมไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เมื่อ บ. ไม่ยอมออกไปจากห้องพิพาทจำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพัก โดยเข้าไปในห้องพิพาทแล้วใช้คีมหนีบกุญแจลูกบิดประตู บานพับหน้าต่างถอดเอาสะพานไฟฟ้าและเครื่องรับโทรศัพท์ในห้องพิพาทออกไปจึงไม่มีมูลความผิดฐานบุกรุก
ประมวลกฎหมายอาญา ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 363 ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ยักย้ายหรือทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 364 ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 365 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 362 มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทำ
(1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
(2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ
(3) ในเวลากลางคืน
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 366 ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตามมาตรา 365 เป็นความผิดอันยอมความได้
|
ค่าบริการว่าความ คดีบุกรุก |
|
|
รูปแบบคดี |
ราคา(เริ่มต้น) |
|
♦ ฟ้องคดี ต่อสู้คดี |
-X- |
|
♦ เจรจาไกล่เกลี่ย |
-X- |
รับว่าความทั่วประเทศ ฟ้องคดี แจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ คดีบุกรุก เจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นตำรวจ
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายฟรี
ติดต่อสอบถาม
ทนายธนู โทร 083 4248098
LINE ID : @tn13
เปิดบริการทุกวัน 24 ชม.
ช่องทางการติดต่อ กดที่ไอคอน

ขึ้นบ้าน แต่ไม่ได้อ่ะไร ....
ขออนุญาตถามนะคับ จะโดนโทษอะไร แต่รุ้จักลูกเจ้าของบ้าน ยอมความได้หรือป่าว และจะต้องรับโทษเทาไรคับ
จะมีโทษอยางไร
ถาม เข้าบ้านคนอื่นในเวลากลางคืน คนเดียว แต่เจ้าบ้านแจ้ง
ขึ้นบ้าน แต่ไม่ได้อ่ะไร ....
ขออนุญาตถามนะคับ จะโดนโทษอะไร แต่รุ้จักลูกเจ้าของบ้าน ยอมความได้หรือป่าว และจะต้องรับโทษเทาไรคับ
ตอบ - มีความผิดตาม มาตรา 365 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถาม ไม่ได้เจตนาบุกรุก,เข้าไปปัสสะวะห้องน้ำ,ในห้องว่างเปล่า,ประคูเปิดไว้ยามวิกาล,ไม่มีใครอาศัย,แต่ถูกชกต่อยทำร้นร่างกายเจ็บสาหัสขนเลือดออกที่ตาและปาก,จะฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายได้ไหม,ตำรวจบอกบุกรุกยามวิกาลข้อหาหนักกว่าอย่าไปฟ้องคนที่ต่อยน้องชาย,แนะนำหน่อยคับว่าฟ้องค่ารักษาพยาบาลได้ไหม?
ตอบ - มีความผิดข้อหาบุกรุก เพราะไม่มีความจำเป็นหรือมีสิทธิ จะต้องเข้าไป
ถาม มาตรา365ผู้เสียหายเรียก40000ถ้าจ่ายถึงจะยอมความ
ตอบ - มาตรา 365 ยอมความไม่ได้
ถาม กรณีที่เป็นที่ว่างเปล่ามานาน แล้วก็เป้นกรณีข้อพิพาทอยู่ แล้วเราไปสร้างบ้าน จะฟ้องร้องได้ไหม
ตอบ - เจ้าของที่ มักจะแจ้งความข้อหาบุกรุกได้ หรือฟ้องขับไล่ให้รื้อถอน ได้เช่นกัน
ถาม อยากรู้อยู่กินกันมา8ปีแล้วเขาแจ้งความบุกรุกบ้านได้ไหมครับ
ตอบ - ไม่ผิด เพราะเป็นที่อยู่อาศัยประจำอยู่แล้ว มีสิทธิเข้าไป