คำร้อง ขอให้ประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัย ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค

คำร้อง ขอให้ประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัย ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค

   ข้อ 1. คดีนี้ ศาลได้โปรดนัดไกล่เกลี่ย ให้การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันนี้

   ข้อ 2. ด้วยคดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 20,000 บาท

   ข้อ 3. ข้าฯขอกราบเรียนต่อศาลว่า การให้กู้ยืมเงินตามสัญญาทั้งสองฉบับ มีลักษณะเป็นการแสวงหาประโยชน์ จากการให้กู้ยืม โดยสัญญา ข้อ 4 กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ร้อยละ 15 ต่อปี

   ถือได้ว่าโจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินดังกล่าวโดยมุ่งประสงค์แสวงหาประโยชน์ในรูปของดอกเบี้ยตามทางการค้าของตน เป็นลักษณะที่แสดงว่าเป็นการให้บริการ เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องให้ชำระตามสัญญากู้ยืมเงิน ถือได้ว่าเป็นผู้ให้บริการ และเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ลูกหนี้ถือเป็นผู้บริโภค จึงเป็นลักษณะคดีที่มีข้อพิพาทระหว่างผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภค เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมาย อันเนื่องมาจากการบริการ อันเป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 3(1)

   ด้วยเหตุดังที่ได้กราบเรียนมาแล้วข้างต้น จึงขอให้ประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 8 ด้วย ขอศาลได้โปรดประทานอนุญาต

          ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

   ลงชื่อ     ธนู กุลอ่อน           ทนายจำเลย

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า นายธนู กุลอ่อน ทนายความจำเลย เป็นผู้เรียงและพิมพ์

   ลงชื่อ     ธนู กุลอ่อน           ผู้เรียงและพิมพ์

 

พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551

มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้

คดีผู้บริโภค หมายความว่า

   (1) คดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคตามมาตรา 19 หรือตามกฎหมายอื่น กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ

 

มาตรา 8 ในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่ ให้ประธานศาลอุทธรณ์เป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด แต่ทั้งนี้ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้กระทำไปก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยนั้น

   การขอให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาตามวรรคหนึ่งไม่ว่าโดยคู่ความเป็นผู้ขอหรือโดยศาลเห็นสมควร ถ้าเป็นการขอในคดีผู้บริโภคต้องกระทำอย่างช้าในวันนัดพิจารณา แต่ถ้าเป็นการขอในคดีอื่นต้องกระทำอย่างช้าในวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถานหากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วห้ามมิให้มีการขอให้วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวอีก และเมื่อได้รับคำขอจากศาลชั้นต้นแล้ว ให้ประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยและแจ้งผลไปยังศาลชั้นต้นโดยเร็ว

   เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว การดำเนินการใด ๆ ระหว่างศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ตามมาตรานี้ จะดำเนินการโดยทางโทรสารหรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดก็ได้

 


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 194,812