คำร้อง ขอทุเลาการบังคับคดี

คำร้อง ขอทุเลาการบังคับคดี

   ข้อ 1. คดีนี้ จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ในวันนี้

   คดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 850,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง(ฟ้องวันที่ 1 มกราคม 2562) เป็นต้นไปจนกว่าจะจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้บังคับจำนองยึดห้องชุดเลขที่ 111/111 ชั้นที่ 5 อาคารเลขที่ เอ ชื่ออาคารชุดรุมภินี ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 11/2555 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 222 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้บังคับคดียึดทรัพย์อื่นของจำเลยออกขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนยมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้ตกเป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

   ข้อ 2. ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษา แต่จำเลยไม่เห็นพ้องด้วย จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ในวันนี้

   ข้อ 3. ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้น หากโจทก์ดำเนินการบังคับคดีขายทอดตลาดห้องชุด ในขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ย่อมมีผลเสมือนหนึ่งโจทก์ชนะคดีในชั้นที่สุด และหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เมื่อทรัพย์ถูกขายทอดตลาดไปแล้วย่อมไม่เป็นผลและจำเลยก็จะได้รับความเสียหายไปแล้ว

   ดังนั้น หากได้รอการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ก่อนในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จะไม่ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย และโจทก์ก็ย่อมไม่ได้รับความเสียหายเช่นกัน เพราะโจทก์ยังมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามคำพิพากษา

   อาศัยเหตุดังกล่าวข้างต้น ขอศาลได้โปรดให้ทุเลาการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไว้ก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดประทานอนุญาต

          ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

   ลงชื่อ                          ทนายจำเลย

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า นายธนู กุลอ่อน ทนายความจำเลย เป็นผู้เรียงและพิมพ์

   ลงชื่อ                          ผู้เรียงและพิมพ์

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 231 การยื่นอุทธรณ์ย่อมไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น แต่คู่ความที่ยื่นอุทธรณ์อาจยื่นคำขอต่อศาลอุทธรณ์ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษา โดยทำเป็นคำร้องชี้แจงเหตุผลอันสมควรแห่งการขอ ให้ศาลอุทธรณ์ทุเลาการบังคับไว้

   คำขอเช่นว่านั้น ให้ผู้อุทธรณ์ยื่นต่อศาลชั้นต้นได้จนถึงเวลาที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ ถ้าภายหลังศาลได้มีคำสั่งเช่นว่านี้แล้ว ให้ยื่นตรงต่อศาลอุทธรณ์ ถ้าได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นก็ให้ศาลรีบส่งคำขอนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง เมื่อศาลชั้นต้นได้รับคำขอไว้ ก็ให้มีอำนาจทำคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้รอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ในคำขอเช่นว่านั้น

   ถ้าผู้อุทธรณ์วางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นจํานวนพอชําระหนี้ตามคําพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี หรือได้หาประกันมาให้สําหรับเงินจํานวนเช่นว่านี้จนเป็นที่พอใจของศาลให้ศาลที่กล่าวมาแล้วงดการบังคับคดีไว้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 292 (1)

   เมื่อได้รับคำขอเช่นว่านี้ ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินก็ได้ โดยมิต้องฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ถือว่าคำสั่งนี้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะได้ฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งในภายหลัง ถ้าศาลมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้ตามที่ขอ คำสั่งนี้อาจอยู่ภายใต้บังคับเงื่อนไขใด ๆ หรือไม่ก็ได้ ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ทำทัณฑ์บนว่าจะไม่ยักย้ายจำหน่ายทรัพย์สินของตนในระหว่างอุทธรณ์ หรือให้หาประกันมาให้ศาลให้พอกับเงินที่ต้องใช้ตามคำพิพากษาหรือจะให้วางเงินจำนวนนั้นต่อศาลก็ได้ ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ศาลจะสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้อุทธรณ์นั้นก็ได้ และถ้าทรัพย์สินเช่นว่านั้น หรือส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ศาลอาจมีคำสั่งให้เอาออกขายทอดตลาดก็ได้ ถ้าปรากฏว่าการขายนั้นเป็นการจำเป็นและสมควร เพราะทรัพย์สินนั้นมีสภาพเป็นของเสียได้ง่ายหรือว่าการเก็บรักษาไว้ในระหว่างอุทธรณ์น่าจะนำไปสู่ความยุ่งยากหรือจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 194,499