100/2
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100/2
บัญญัติว่า "ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดผู้ใดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้
ดังนั้น เมื่อให้ความช่วยเหลือในการบอกข้อมูลสำคัญกับเจ้าหน้าที่ จะเป็นประโยชน์ในการปราบปรามผู้กระทำความผิด"
ปัจจุบันคือ พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564
มาตรา 153 ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดผู้ใดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งเป็นผู้จับกุม หรือพนักงานสอบสวนในคดีนั้น เมื่อพนักงานอัยการระบุในคำฟ้องหรือยื่นคำร้องต่อศาล ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้
กรณีที่ผู้กระทำความผิดได้เคยให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามวรรคหนึ่ง ถ้าพนักงานอัยการไม่ระบุในคำฟ้องหรือยื่นคำร้องต่อศาล ผู้กระทำความผิดนั้นอาจยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรานี้ได้
สาระสำคัญ กรณีศาลจะลงโทษน้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่กำหนด
1. เป็นข้อมูลที่สำคัญ ทำให้มีการจับผู้กระทำผิดที่แท้จริงหรือรายใหญ่ได้ ซึ่งมิใช่ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วโดยทั่วไป
2. มีการขยายผลจนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดอื่นได้
3. สามารถให้ข้อมูลทั้งในชั้น บันทึกการจับกุม คำให้การชั้นสอบสวน หรือคำเบิกความในชั้นศาล
4. ต้องเป็นผลโดยตรงให้จับกุมคดีอื่นได้
5. เป็นสายลับ
วิธีการไต่สวน : ทำเป็นคำร้อง ปรากฎในคำฟ้อง บันทึกจับกุม หรือหนังสือรับรองของตำรวจ ก็ได้ ซึ่งศาลจะต้องไต่สวน เพื่อวินิจฉัยให้ได้ความ
ระยะเวลายื่นคำร้อง : ภายในวันนัดสอบคำให้การจำเลย
เอกสารสำคัญประกอบคำร้อง : บันทึกจับกุม / บันทึกการใช้ มาตรา 100/2 พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฯ โดยต้องขอต่อศาลออกหมายเรียกไปยังตำรวจหรือ ป.ป.ส. ให้ส่งหลักฐาน เพื่อประกอบการไต่สวน
พยานบุคคล
1. จำเลย
2. ตำรวจผู้ได้รับแจ้งข้อมูล เบิกความยืนยัน
คำถามที่สำคัญ
1. พฤติการณ์การจับกุม
2. การแจ้งสิทธิ ตามมาตรา 100/2 เป็นไปด้วยการสมัคร ไม่ได้ถูกข่มขู่ใด ๆ
3. หากจำเลยไม่แจ้งข้อมูล ตำรวจก็ไม่สามารถไปจับกุมได้
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฏีกา ที่น่าสนใจ
ประเด็น : ต้องยกขึ้นว่ากล่าวมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น จะมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2562
แม้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ให้อำนาจศาลลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ที่ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น แต่ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่ามีการนำสืบกันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประเด็นแห่งคดี
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องหรือแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ให้ข้อมูลสำคัญในคดีต่อเจ้าพนักงานตำรวจ จนสามารถขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด แต่เมื่อจำเลยไม่สืบพยานให้ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้ข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่เคยเป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบกันไว้ แม้ข้อเท็จจริงดังกล่าวจะปรากฏตามสำเนาบันทึกจับกุมเอกสารท้ายคำร้องขอฝากขัง ครั้งที่ 1 ก็ตาม เมื่อโจทก์และจำเลยไม่เคยนำสืบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ในศาลชั้นต้น แต่เป็นข้อที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงนี้ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
ตัวอย่าง คำวินิจฉัยศาลฏีกา ที่ไม่ถือเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ ตามมาตรา 100/2
อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7264/2547
การที่จำเลยเพียงแต่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นลอยๆ โดยมิได้มีพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างของจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจ และพนักงานสอบสวน อันจะเป็นเหตุที่จะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 100/2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2549
แม้จำเลยได้ให้การในชั้นสอบสวนว่า จำเลยซื้อฝิ่นมาจาก น. ตามบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวน แต่ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวขยายผลจับกุมบุคคลที่จำเลยกล่าวอ้างได้หรือไม่อย่างไร คำให้การของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2553
แม้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 จะให้ศาลมีอำนาจลงโทษผู้กระทำความผิดน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ก็ตาม แต่ก็เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาตามที่เห็นสมควร มิใช่บทบังคับ ซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยแจ้งตำหนิรูปพรรณ ก. และ ป. ให้พนักงานสอบสวนทราบ จนมีการออกหมายจับบุคคลทั้งสอง แต่ทางนำสืบของโจทก์และจำเลยไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนสามารถจับกุม ก. และ ป. มาดำเนินคดีได้หรือไม่ อย่างไร คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยจึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานสอบสวน จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะกำหนดโทษจำเลยให้น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากทนายวาม
1. หลังจากไต่สวน ควรแถลงขอศาลให้มีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจจำเลย ก่อนพิพากษา
2. ขอหมายเรียกศาลให้ ผู้จับกุม ผู้รับแจ้ง มาเบิกความ (เสียค่านำหมาย)
3. ควรไต่สวนเกี่ยวกับฐานะบุคคล เพื่อให้ศาลปราณี
4. แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินคดีของบุคคลที่ถูกแจ้ง
รับว่าความทั่วประเทศ
ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย
ติดต่อทนายธนู โทร 083 4248098
LINE ID : @tn13
เปิดบริการทุกวัน เวลา 7.00 - 20.00 น.
ช่องทางการติดต่อ กดที่ไอคอน
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments