คำขอ ให้ศาลออกหมายบังคับคดี หรือขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
กรณี ศาลพิพากษา
คำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี หรือขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
ข้อ 1. คดีนี้ศาลได้โปรดมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559
โดยพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 450,000 บาทนับแต่วันฟ้อง(1 มิถุนายน 2559) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ และใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ จำนวน 5,000 บาท ดังความแจ้งอยู่ในสำนวนคดีของศาลแล้วนั้น
ข้อ 2. ศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาและส่งให้จำเลยแล้ว แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดจนล่วงพ้นไปแล้ว โจทก์จึงยังมิได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล
อาศัยเหตุดังกล่าวข้างต้น ขอศาลได้โปรดออกหมายบังคับคดี เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินของจำเลย นำมาขายทอดตลาด และนำเงินที่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนตามคำพิพากษาต่อไป ขอศาลได้โปรดอนุญาต
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ ทนายผู้ร้อง
คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้านายธนู กุลอ่อน ทนายผู้ร้อง เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์
กรณี ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
ข้อ 1. คดีนี้ ศาลได้โปรดมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562
ข้อ 2. โดยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1. ระบุ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ตกลงยินยอมร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์จำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินตามเช็ค 450,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์(ฟ้องวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2558)
ข้อ 3. โดยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 3. ระบุว่า หากจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่ง หรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ถือว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด และยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีจากยอดหนี้ตามคำขอท้ายฟ้อง พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินส่วนที่เหลือ นับแต่วันที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ โดยหักจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองชำระไว้แล้ว(ถ้ามี)ออกก่อน รายละเอียดปรากฎตามสัญญาประนีประนอมยอมความในสำนวนคดีของศาล
โจทก์ขอกราบเรียนต่อศาลว่า นับตั้งแต่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยยังไม่เคยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ โจทก์จึงยังมิได้รับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉะนั้นจึงถือว่าจำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
อาศัยเหตุดังกล่าวข้างต้น ขอศาลได้โปรดออกหมายบังคับคดี เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง นำมาขายทอดตลาด และนำเงินที่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมต่อไป ขอศาลได้โปรดอนุญาต
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ ทนายผู้ร้อง
คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้านายธนู กุลอ่อน ทนายผู้ร้อง เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 275 ถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษาจะขอให้มีการบังคับคดี ให้ยื่นคําขอฝ่ายเดียวต่อศาล ให้บังคับคดีโดยระบุให้ชัดแจ้งซึ่ง
(1) หนี้ที่ลูกหนี้ตามคําพิพากษายังมิได้ปฏิบัติตามคําบังคับ
(2) วิธีการที่ขอให้ศาลบังคับคดีนั้น
ในระหว่างที่ศาลยังมิได้กําหนดวิธีการบังคับคดีตามที่เจ้าหนี้ตามคําพิพากษามีคําขอตามวรรคหนึ่งถ้ามีเหตุจําเป็น เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาจะยื่นคําขอฝ่ายเดียวต่อศาลให้มีคําสั่งกําหนดวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนไว้ก่อนก็ได้ และถ้าศาลเห็นสมควร จะมีคําสั่งอนุญาตโดยไม่ต้องไต่สวนก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ลูกหนี้ตามคําพิพากษาอาจยื่นคําขอโดยพลันให้ศาลยกเลิกคําสั่งอนุญาตดังกล่าวได้ คําขอเช่นว่านี้อาจทําเป็นคําขอฝ่ายเดียวโดยได้รับอนุญาตจากศาล และถ้าศาลเห็นสมควรจะมีคําสั่งยกเลิกคําสั่งอนุญาตนั้นโดยไม่ต้องไต่สวนก็ได้ คําสั่งของศาลตามวรรคนี้ให้เป็นที่สุด
ในกรณีที่ศาลมีคําสั่งคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าหนี้ตามคําพิพากษาตามวรรคสองแล้ว คําสั่งนั้นยังคงมีผลต่อไปเท่าที่จําเป็นเพื่อปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล
ขอตัวอย่าง
คำขอออกหมายบังคับคดี (พิพากษาตามยอม)
กรณีลูกหนี้ชำระหนี้บางส่วน ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ข้อ ๓. โดยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ ๒. ระบุว่า หากจำเลยผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ให้ถือว่าผิดนัดในส่วนที่ค้างทั้งหมด ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ในยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง หักด้วยจำนวนเงินที่จำเลยชำระมาภายหลัง พร้อมทั้งยินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินที่ค้างชำระหนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้เสร็จสิ้นแก่โจทก์ รายละเอียดปรากฎตามสัญญาประนีประนอมยอมความในสำนวนคดีของศาล โจทก์ขอกราบเรียนต่อศาลว่า นับแต่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ งวดแรกเพียงงวดเดียว จำนวน ๓,๐๐๐ บาท โจทก์จึงยังมิได้รับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉะนั้นจึงถือว่าจำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ต้องชำระหนี้ตามทุนทรัพย์ให้แก่โจทก์ จำนวน ๒๕๒,๒๙๐ บาท หักด้วยเงินจำนวน ๓,๐๐๐ บาท ที่จำเลยชำระมา เป็นเงินจำนวน ๒๔๙,๒๙๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้เสร็จสิ้นแก่โจทก์
อาศัยเหตุดังกล่าวข้างต้น ขอศาลได้โปรดออกหมายบังคับคดี เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินของจำเลยนำมาขายทอดตลาด นำเงินที่ได้มาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมต่อไป ขอศาลได้โปรดอนุญาต
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ไม่ต้องใช้ทนาย ประหยัดค่าใช้จ่าย
กรณีที่ดิฉันเป็นโจท์ ได้คำพิพากษาจากศาล ให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินต้น 100.000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5/ปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันที่ 21 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
ดิฉันขอเรียนถามนะคะ
ก่อนที่ดิฉันจะไ้คำพิพากษา ปรากฎว่า ลูกหนี้ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัย ได้ถูกเพิกอนใบอนุญาต และแต่งตั้งให้ กปว.เป็นผู้ชำระบัญชี และบริษัทก็ได้เลิกกิจการแล้ว คำบังคับ หมายที่ส่งไปยังที่อยู่ของบริษัทจะมีผลหรือไม่คะ และเมื่อ กปว. เป็นผู้ชำระบัญชี ดิฉันควรจะทำอย่างไรได้บ้างคะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความกรุณาจากท่าน และขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วนนะคะ