คำร้อง เรียกค่าสินไหมทดแทน (ป.วิ.อ มาตรา 44/1)
คำร้อง เรียกค่าสินไหมทดแทน (ป.วิ.อ มาตรา 44/1)
ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 มีนาคม 2558 ดังความแจ้งในสำนวนแล้วนั้น
ข้อ 2. ผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีนี้โดยตรง ผู้ร้องมีความประสงค์จะขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำความผิดของจำเลยอัน เป็นการละเมิดต่อผู้เสียหายทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายดังนี้
2.1. ค่าผ่าตัดและทำศัลยกรรมในชั้นแรกเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท
2.2. ค่าทำศัลยกรรมจากแพทย์ผู้ชำนาญ 10 ครั้ง เป็นจำนานเงิน 50,000 บาท
2.3.ค่าสินไหมทดแทนกรณีดวงตาข้างซ้ายบอดสนิทและต้องเสียโฉมอย่างติดตัวไปตลอดชีวิตเป็น จำนวนเงิน 100,000 บาท
2.4. ระหว่างที่ผู้ร้องรักษาตัว ทำให้ผู้ร้องไม่ได้ประกอบการงานไม่ได้เป็นเวลา 60 วัน ผู้ร้องขอคิดค่าเสียหายในการขาดประโยชน์วันละ 500 บาท รวม เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท
รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนทั้ง สิ้น 280,000 บาท
ดังนั้นผู้ร้องจึงขอประทานกราบเรียนต่อศาลขอศาลได้โปรดบังคับให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้แก่ผู้ร้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 280,000 บาท
พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องเสร็จสิ้นครบถ้วน
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ ผู้ร้อง
คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้านายธนู กุลอ่อน ทนายผู้ร้อง เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 44/1 ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทน เพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือได้รับความเสื่อมเสียต่อเสรีภาพในร่างกายชื่อเสียง หรือได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนก็ได้
การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องก่อนเริ่มสืบพยาน ในกรณีที่ไม่มีการสืบพยานให้ยื่นคำร้องก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดี และให้ถือว่าคำร้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและผู้เสียหายอยู่ในฐานะโจทก์ในคดีส่วนแพ่งนั้น ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าวต้องแสดงรายละเอียดตามสมควรเกี่ยวกับความเสียหายและจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้อง หากศาลเห็นว่าคำร้องนั้นยังขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องให้ชัดเจนก็ได้
คำร้องตามวรรคหนึ่งจะมีคำขอประการอื่นที่มิใช่คำขอบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยในคดีอาญามิได้ และต้องไม่ขัดหรือแย้งกับคำฟ้องในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ และในกรณีที่พนักงานอัยการได้ดำเนินการตามความในมาตรา 43 แล้ว ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่งเพื่อเรียกทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินอีกไม่ได้
มาตรา 44/2 เมื่อได้รับคำร้องตามมาตรา 44/1 ให้ศาลแจ้งให้จำเลยทราบ หากจำเลยให้การประการใดหรือไม่ประสงค์จะให้การให้ศาลบันทึกไว้ ถ้าหากจำเลยประสงค์จะทำคำให้การเป็นหนังสือให้ศาลกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การตามที่เห็นสมควร และเมื่อพนักงานอัยการสืบพยานเสร็จ ศาลจะอนุญาตให้ผู้เสียหายนำพยานเข้าสืบถึงค่าสินไหมทดแทนได้เท่าที่จำเป็น หรือศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีอาญาไปก่อนแล้วพิจารณาพิพากษาคดีส่วนแพ่งในภายหลังก็ได้
ถ้าความปรากฏต่อศาลว่าผู้ยื่นคำร้องตามมาตรา 44/1 เป็นคนยากจนไม่สามารถจัดหาทนายความได้เอง ให้ศาลมีอำนาจตั้งทนายความให้แก่ผู้นั้น โดยทนายความที่ได้รับแต่งตั้งมีสิทธิได้รับเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนด
มาตรา 45 คดีเรื่องใดถึงแม้ว่าได้ฟ้องในทางอาญาแล้ว ก็ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะฟ้องในทางแพ่งอีก
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments