ที่ปรึกษากฎหมาย คดีเด็กและเยาวชน
ที่ปรึกษากฎหมาย ในศาลเยาวชนและครอบครัว คือใคร?
ตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการอบรม ระเบียบปฏิบัติของที่ปรึกษากฎหมายการจดแจ้งและลบชื่อออกจากบัญชี พ.ศ. 2556
ที่ปรึกษากฎหมาย หมายความว่า ทนายความซึ่งสอบผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กําหนดและได้รับการขึ้นทะเบียน ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ดังนี้
1. เป็นทนายความตามกฎหมายว่าด้วยทนายความ
2. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
3. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
4. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษโดยคําพิพากษาถึงที่สดให้ จําคุกในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่าจะนํามาซึ่งความเสื่อมเสียต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษากฎหมาย
5. ไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอนชื่อจากทะเบียนที่ปรึกษากฎหมาย
หน้าที่ : ดำเนินว่าความในคดีที่เด็กและเยาวชนกระทำความผิดในคดีอาญาทุกข้อหา
เด็ก คือ บุคคลอายุยังไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์
เยาวชน คือ บุคคลอายุเกิน 15 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์
โดยให้ถือเกณฑ์อายุ ใน "วันที่เด็กหรือเยาวชนนั้นกระทำความผิด" ซึ่งจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัว
อำนาจหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2553
มาตรา 73 เมื่อเด็กหรือเยาวชนมาอยู่ต่อหน้าศาล ให้ศาลตรวจสอบว่าเป็นเด็กหรือเยาวชน ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดหรือไม่การจับและการปฏิบัติต่อเด็กหรือเยาวชนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากการจับเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้ปล่อยตัวเด็กหรือเยาวชนไป ถ้าเด็กหรือเยาวชนยังไม่มีที่ปรึกษากฎหมาย ให้ศาลแต่งตั้งให้และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชนศาลอาจมีคําสั่งให้มอบตัวเด็กหรือเยาวชนให้แก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่ด้วย หรือบุคคลหรือองค์การที่ศาลเห็นสมควรเป็นผู้ดูแลเด็กหรือเยาวชนในระหว่างการดําเนินคดีโดยกําหนดให้บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่นําตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไปพบพนักงานสอบสวนหรือพนักงานคุมประพฤติหรือศาล แล้วแต่กรณี
มาตรา 74 ก่อนมีคําสั่งควบคุมหรือคุมขังเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดหรือ ซึ่งเป็นจําเลยทุกครั้ง ให้ศาลสอบถามเด็กหรือเยาวชนหรือที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชนนั้นว่าจะมีข้อคัดค้านประการใดหรือไม่และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมาชี้แจงความจําเป็นหรืออาจเรียกพยานหลักฐานมาไต่สวนเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้
มาตรา 75 ในการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคําเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดจะต้องมีที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชนร่วมอยู่ด้วยทุกครั้ง พร้อมทั้งแจ้งด้วยว่าเด็กหรือเยาวชนมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้และถ้อยคําของเด็กหรือเยาวชนอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ทั้งนี้เมื่อคํานึงถึงอายุ เพศ และสภาพจิตของเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดแต่ละราย
มาตรา 108 การพิจารณาคดีในศาลที่มีอํานาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวให้กระทําเป็นการลับ และเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้นมีสิทธิเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ซึ่ง
ได้แก่
(1) จําเลย ที่ปรึกษากฎหมายของจําเลย และผู้ควบคุมตัวจําเลย
(2) บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งจําเลยอาศัยอยู่ด้วย
(3) พนักงานศาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
(4) โจทก์และทนายโจทก์
(5) พยาน ผู้ชํานาญการพิเศษ และล่าม
(6) พนักงานคุมประพฤติหรือพนักงานอื่นของสถานพินิจ
(7) บุคคลอื่นที่ศาลเห็นสมควรอนุญาต
มาตรา 120 ในศาลที่มีอํานาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว จําเลยจะมีทนายความแก้คดีแทนไม่ได้แต่ให้จําเลยมีที่ปรึกษากฎหมายเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทํานองเดียวกับทนายความได้ในกรณีที่จําเลยไม่มีที่ปรึกษากฎหมาย ให้ศาลแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายให้
อย่างนี้ขึ้นศาลเด็กไหมครับ