แบ่งกรรมสิทธิ์รวม

คดีแบ่งกรรมสิทธิ์รวม #ทนายคดีฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

   กรณีที่ทรัพย์สินมีชื่อเจ้าของหลายคน หากจะทำนิติกรรมต้องอาศัยความยินยอมจากเจ้าของทุกคนเสมอ หากไม่สามารถตกลงหรือยินยอม เจ้าของคนใดคนหนึ่งต้องยื่นฟ้องต่อศาลขอแบ่งกรรมสิทธิ์

 

กรรมสิทธิ์รวม มีที่มาจาก

1. มรดก

2. ซื้อขายร่วมกัน

3. สินสมรส

4. ทำมาหาได้ร่วมกัน

5. ถือกรรมสิทธิ์แทน

 

วิธีการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ตามขั้นตอน ป.พ.พ. มาตรา 1364

1. แบ่งทรัพย์สินดังกล่าวกันเองก่อน

2. เมื่อไม่สามารถแบ่งได้ให้ประมูลราคาระหว่างกันเอง

3. ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาด และได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันคนละครึ่ง หรือตามส่วนของเจ้าของรวม

4. ถ้าตกลงกันได้ (แบ่งการครอบครองเป็นสัดส่วนโดยทางพฤตินัย หรือตกลงกันด้วยวาจาปล้ว) แต่ไม่ยอมแบ่ง จะต้องฟ้องศาลให้ปฏิบัติตามข้อตกลง อ้างอิง ฎ.2503/2523

5. ถ้าเป็นสิ่งปลูกสร้าง แบ่งแยกกันครอบครอง ศาลสามารถใช้ดุลพินิจให้แบ่งแยกให้แบ่งแยกตามสัดส่วนที่ครอบครองได้ อ้างอิง ฎ.4329/2539

เพิ่มเติม การแบ่งกรรมสิทธิ์ ไม่ใช้วิธีเสียงข้างมาก ตาม ป.พ.พ. 1358 อ้างอิง ฎ.1866/2559

 

ข้อห้ามแบ่ง ป.พ.พ. มาตรา 1363

1. นิติกรรมขัดอยู่ เช่น สัญญาให้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางออกร่วมกัน แบบนี้จะขอแบ่งไม่ได้ อ้างอิง ฎ.3414/2555

2. วัตถุประสงค์ของเจ้าของรวม แต่จะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละ 10 ปีไม่ได้ เช่น ข้อตกลงร่วมกันว่าห้ามโอนหรือแบ่งแยกที่ดิน อ้างอิง ฎ.12827/2556

 

ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฏีกา ที่น่าสนใจ

ประเด็น : คดีแบ่งกรรมสิทธิ์ ไม่มีอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6437/2550

   การฟ้องขอแบ่งทรัพย์ที่มีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1363 ไม่มีอายุความ ตามมาตรา 1363 วรรคสอง เป็นเรื่องผู้มีกรรมสิทธิ์รวมจะทำนิติกรรมห้ามแบ่งกรรมสิทธิ์รวมได้คราวละไม่เกิน 10 ปี มิใช่เป็นอายุความ

   โจทก์ ฮ. และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงรังวัดที่ดินมือเปล่า ยังไม่มีหลักฐานหนังสือสำคัญ เพื่อแบ่งกรรมสิทธิ์รวมไว้ โจทก์ได้ที่ดินเป็นที่พิพาท โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นสัดส่วนตลอดมา การแบ่งแยกเจ้าของรวมจึงไม่อาจจดทะเบียนแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ ถือว่าโจทก์ยึดถือที่ดินส่วนที่เข้าครอบครองเพื่อตน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1367 แม้ต่อมาทางราชการจะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และโฉนดที่ดินมีชื่อโจทก์ จำเลยที่ 1 และ ฮ. ถือกรรมสิทธิ์รวม โดยไม่ได้ระบุว่ามีส่วนคนละเท่าใดและตาม ป.พ.พ. มาตรา 1357 ให้สันนิษฐานว่าผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ในกรณีที่ไม่ปรากฏชัดว่าเจ้าของรวมแต่ละคนมีส่วนเท่าใด โจทก์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ตามสัดส่วนที่ครอบครอง จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าเจ้าของรวมยังคงมีส่วนเท่ากันหาได้ไม่

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4259/2550

   เมื่อได้ความว่าโจทก์จำเลยร่วมกันซื้อที่ดินเพื่อขายเอากำไรมาแบ่งกัน มิได้มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นส่วนสัด วิธีการแบ่งกรรมสิทธิ์รวมจึงต้องเป็นไปตามที่ ป.พ.พ. มาตรา 1364 กำหนดไว้

 

ประเด็น : รับกรรมสิทธิ์ทั้งหมดในบ้าน ย่อมจะต้องใช้ราคาค่าบ้านให้ผู้ถือกรรมสิทธิร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5880/2548

   โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกันในบ้านพิพาท คดีนี้โจทก์จำเลยต่างฟ้องขอให้ขับไล่ซึ่งกันและกัน ทั้งจำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชดใช้เงินค่าบ้านพิพาทมาด้วย ถือได้ว่าเป็นกรณีที่เจ้าของรวมเรียกให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวม แต่การให้รื้อถอนบ้านพิพาทย่อมทำให้สภาพบ้านเสียหาย ไม่เป็นผลดีแก่ทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด ทั้งการให้นำเฉพาะบ้านพิพาทออกประมูลขายทอดตลาดย่อมจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เสียประโยชน์โดยไม่เป็นธรรม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทตามสัญญาเช่าที่โจทก์ทำไว้กับบุคคลภายนอก บ้านพิพาทจึงควรตกเป็นของโจทก์ โดยให้จำเลยได้รับแต่ส่วนแบ่งกึ่งหนึ่งของราคาบ้านพิพาท

 

ประเด็น : วิธีแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ต้องเป็นไปตามมาตรา 1364 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6781/2545

   ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ มีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินได้ แต่จะเรียกให้แบ่งในเวลาไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้การแบ่งทรัพย์สินในเวลานั้น จะทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของรวมคนอื่น การที่โจทก์และจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาท โดย หจก. อ. ที่มีโจทก์และจำเลยเป็นหุ้นส่วนและได้เลิกกิจการไปแล้วเปิดดำเนินกิจการอยู่ในอาคารบนที่ดิน ทั้งโจทก์และจำเลยมีปัญหากันถึงขนาดจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญา โจทก์จึงมิได้เข้าไปในที่ดินและอาคารพิพาทอีก แม้จะปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินและอาคารพิพาท แต่ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียว มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่นด้วย ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมดังกล่าว จะฟังว่าโจทก์ฟ้องขอแบ่งในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้

   การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยเอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทออกขายทอดตลาดเอาเงินที่ขายได้ แบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งในทันทีนั้นไม่ถูกต้อง เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ได้บัญญัติกำหนดวิธีการแบ่งทรัพย์สินของเจ้าของรวมไว้เป็นขั้นตอนแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโดยให้จำเลยแบ่งที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง โดยให้โจทก์จำเลยแบ่งทรัพย์สินกันเองก่อน เมื่อไม่สามารถแบ่งได้ให้ประมูลราคาระหว่างกันเอง ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันคนละครึ่ง

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6658/2539

   วิธีการแบ่งทรัพย์สินในระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมนั้นกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษตาม ป.พ.พ. มาตรา 1364 คือให้กระทำโดยแบ่งทรัพย์สินนั้นเองระหว่างเจ้าของรวม หรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกัน ศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์สินนั้นออกแบ่ง ถ้าการแบ่งไม่อาจทำได้หรือจะเสียหายมากนัก ศาลจะสั่งให้ขาย โดยประมูลราคากันระหว่างเจ้าของรวมหรือขายทอดตลาดก็ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทบางรายการกันเองระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสาม หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ขายทอดตลาดชอบด้วยมาตรา 1364 แล้ว

 

ประเด็น : มีข้อตกลงแบ่งแยกการครอบครองทรัพย์สินออกเป็นส่วนสัดแล้ว กรณีนี้หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามย่อมถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2503/2523

   เหตุที่จำเลยทำบันทึกข้อตกลงเรื่องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมโดยกำหนดส่วนของที่ดินด้วย และทำบันทึกให้จดทะเบียนบรรยายส่วนกรรมสิทธิ์ในโฉนดเกิดจากการกระทำของโจทก์และ ว. โดยจำเลยสำคัญผิดในข้อสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ว่าแบ่งตามที่ครอบครองเป็นส่วนสัด จึงตกเป็นโมฆะไม่อาจแบ่งที่ดินให้โจทก์ตามที่ได้จดทะเบียนบรรยายส่วนกรรมสิทธิ์ที่ดินไว้ เมื่อโจทก์จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมต่างครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของเป็นส่วนสัด จึงต้องแบ่งที่พิพาทตามส่วนดังกล่าว

 

ประเด็น : ศาลใช้ดุลพินิจเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่เจ้าของรวมได้

   เช่น ให้แบ่งที่ดินให้เจ้าของรวมได้รับตรงตามที่ดินที่เจ้าของรวมปลูกบ้านอยู่อาศัย โดยไม่จำต้องสั่งให้ประมูลหรือขายทอดตลาดก็ได้ อ้างอิง ฎ. 4329/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4329/2539

   เมื่อศาลเห็นว่าหากการแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ทั้งสามและจำเลยเป็นเจ้าของรวมถึงกับต้องให้จำเลยรื้อบ้านที่เป็นของจำเลย และจำเลยได้อาศัยอยู่มานานกว่า 10 ปีออกไป อันเป็นการเดือดร้อนแก่จำเลยแล้ว ศาลย่อมใช้ดุลพินิจให้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยตรงที่บ้านจำเลยปลูกอาศัยอยู่ได้โดยไม่ให้เกินกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่จำเลยได้รับส่วนแบ่ง หาจำเลยต้องสั่งให้ทำการประมูลหรือขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแล้วเอาเงินแบ่งให้โจทก์ทั้งสามและจำเลยตามส่วนดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ทุกกรณีไปไม่

 

ประเด็น : เจ้าของรวมมิได้แบ่งแยกกันครอบครองที่ดิน

   โจทก์ฟ้องประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์รวมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ แม้โจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องอย่างไร ศาลย่อมมีอำนาจแบ่งให้ได้ตามที่กำหนดไว้ใน ป.พ.พ.มาตรา 1354 ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2539

   เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีปัญหาเรื่องคำขอท้ายฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องห้ามอุทธรณ์ โจทก์และจำเลยทั้งสองมิได้แบ่งแยกกันครอบครองที่ดินพิพาทเป็นส่วนสัดและโจทก์ฟ้องประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินที่โจทก์และจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์รวมกันตามส่วนของแต่ละคนที่มีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นประการสำคัญ แม้โจทก์ขอมาในคำขอท้ายฟ้องอย่างไร ศาลย่อมมีอำนาจแบ่งให้ได้ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 ไม่เป็นการพิพากษาที่ไม่ตรงตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 1363 เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ มีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินได้ เว้นแต่จะมีนิติกรรมขัดอยู่ หรือถ้าวัตถุที่ประสงค์ที่เป็นเจ้าของรวมกันนั้นมีลักษณะเป็นการถาวร ก็เรียกให้แบ่งไม่ได้

   สิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินนั้น ท่านว่าจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละ 10 ปีไม่ได้

   ท่านว่าเจ้าของรวมจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้

มาตรา 1364 การแบ่งทรัพย์สินพึงกระทำโดยแบ่งทรัพย์สินนั้นเองระหว่างเจ้าของรวม หรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน

   ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์สินอย่างไรไซร้ เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอ ศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์สินนั้นออกแบ่ง ถ้าส่วนที่แบ่งให้ไม่เท่ากันไซร้ จะสั่งให้ทดแทนกันเป็นเงินก็ได้ ถ้าการแบ่งเช่นว่านี้ไม่อาจทำได้หรือจะเสียหายมากนักก็ดี ศาลจะสั่งให้ขายโดยประมูลราคากันระหว่างเจ้าของรวมหรือขายทอดตลาดก็ได้

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากทนายความ

1. การฟ้องคดี ควรยื่นผู้มีชื่อในกรรมสิทธิ์หรือทายาททุกคน เพื่อป้องกันปัญหาในการบังคับคดี

2. สามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทำมาหาได้ร่วมกัน ฟ้องแบ่งทรัพย์สินตามหลักกรรมสิทธิ์รวม ขึ้นศาลแพ่งทั่วไป มิใช่ศาลเยาวชนและครอบครัว อ้างอิงคำวินิจฉัยประธานศาลฎีกาที่ 15/2543

 

ค่าบริการว่าความ คดีฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

รูปแบบคดี

ราคา(เริ่มต้น)

♦ ยื่นฟ้อง ต่อสู้คดี

-X-

 

รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย

เปิดบริการจันทร์ถึงศุกร์ 7.00 - 18.00

ช่องทางการติดต่อ กดที่ไอคอน

   

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
#1 โดย: ทนายธนู [IP: 184.22.251.xxx]
เมื่อ: 2019-06-12 07:45:21
สงสัยประเด็นใด สามารถสอบถามได้ หรือต้องการแชร์เพื่อเป็นความรู้ ขอเชิญกันได้เลยครับ
#2 โดย: 056396 [IP: 118.174.76.xxx]
เมื่อ: 2019-08-08 21:50:37
ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม ที่ดิน มี 6 คน แต่มีผู้กรรมสิทธิ์รวม ต้องการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม. มี 1 คน คัดค้านไม่ยอมแบ่ง ขอใส่ชื่อรวม. บอกว่าไม่มีเงินค่ารังวัด แต่ความเป็น ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม มี โจกย์ ฟ้องจำเลยเงินยืมค้ำประกัน ศาลตัดสินให้ชำระ หากไม่ชำระจะยึดทรัพย์. โจกย์ไม่ยอมแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม ถ้าผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม จะฟ้องศาลขอแบ่งแยก จะได้หรือไม่ ทั้งที ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนึ้สิน ของ ทั้ง 2 คน จะถือว่าเป็นนิติกรรมขัดอยู่หรือไม่ จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมได้รับความเสียหาย จะต้องเสียที่ดินไป ศาลจะยกฟ้องหรือไม่อย่างไร เนื่องจากยังไม่ได้แบ่งแยกที่ชัดเจน
#3 โดย: อนุ [IP: 171.4.235.xxx]
เมื่อ: 2022-05-26 21:51:25
โจทก์ฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมบ้านพิพาทซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาและทำหนังสือประนีประนอมยอมความ ให้โจทก์ใช้ราคาบ้านพิพาทและรื้อถอนบ้านพิพาทและปรับสภาพดินให้เรียบร้อยให้โจทย์ออกไปจากที่ดินของจำเลย แต่โจทก์ประกาศขายบ้านโดยให้ผู้ที่ตกลงซื้อเป็นผู้รื้อแทนโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ทำผิดสัญญาตามคำบังคับหรือไม่

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 192,761